รู้ตัวอีกทีก็มิถุนายนแล้ว! ไขข้อสงสัยทำไมมกราคมถึงยาวนานกว่าเดือนอื่น

“อะไรกัน! เผลอแป๊บเดียวก็ครึ่งปีแล้วเหรอ”

“ทำไมแป๊บ ๆ ก็หมดวันแล้ว”

ถึงเวลาจะเดินเท่ากันในทุก ๆ วัน แต่เชื่อว่าหลายคนก็มักรู้สึกอยู่เสมอว่า เวลาในแต่ละวันช่างยาวนานไม่เท่ากันเอาเสียเลย ซึ่งนอกเหนือจากตัวอย่างข้างต้นนี้ อีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางเวลาที่หลายคนสงสัยก็คือ ทำไมเดือนมกราคมถึงดูยาวนาน แต่พอหลุดจากเดือนมกราคมหลังหมดปีใหม่มาก็ดูราวกับว่า เวลา 1 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหกอย่างไรอย่างนั้น แต่ถึงจะดูเป็นเรื่องที่น่าฉงนสงสัยและไม่มีคำตอบที่แน่ชัดให้กับปรากฏการณ์ทางเวลานี้ แต่รู้หรือไม่? เราสามารถอธิบายเรื่องราวแสนน่าสงสัยของเวลานี้ผ่านหลักการวิทยาศาสตร์ได้ แต่จะเป็นอย่างไรนั้น มาไขความลับเรื่องเวลาไปพร้อมกันได้เลย!

A picture containing text, sign

ตัวกระตุ้นต่างกัน การรับรู้เวลาก็เปลี่ยนไป

William Skylark อธิบายความรู้สึกในการรับรู้เวลาที่แตกต่างกันว่า ตัวกระตุ้นภายนอกส่งผลโดยตรงกับการรับรู้เวลา หรือ Time Perception ของคนเรา ซึ่งหากยิ่งตัวกระตุ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตของเรามากเท่าไหร่ การรับรู้เวลาก็อาจจะสั้นลงได้ เช่น ปลายทางของเดือนธันวาคม คือ การหยุดยาวและช่วงเวลาในการพักผ่อนที่ใหญ่ที่สุดของปี แต่พอเข้าเดือนมกราคม สมองของเราก็จะรับรู้ได้ว่า ในเดือนนี้เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงการทำงานแบบเดิม ๆ อีกครั้ง ทำให้เรารู้สึกได้ว่า เดือนธันวาคมและวันหยุดยาวนั้นมีเวลาที่สั้นกว่าเดือนมกราคม ซึ่งแนวคิดนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจาก Dr. Zhenguang Cai จาก University College of London เช่นกัน

อารมณ์ในแต่ละช่วงเวลาก็ส่งผลต่อการรับรู้เวลาเช่นกัน

นอกจากตัวกระตุ้นแล้ว อารมณ์ของเราก็ส่งผลต่อความช้าและเร็วของเวลาเช่นกัน ซึ่งหากลองสแกนสมองดูก็จะพบว่า ความเร็วช้าของเวลานี้อาจถูกกำหนดโดย Dopamine Clock หรือกลไกหลั่งสารแห่งความสุขในสมอง ซึ่งหากลองสังเกตง่าย ๆ ว่า หากเรามีความสุขมากเท่าไหร่ เวลาก็จะยิ่งผ่านไปไวเท่านั้น

ไม่เพียงแต่จะเป็นสารแห่งความสุขเท่านั้น แต่ในทางตรงกันข้าม ความเครียดก็ส่งผลต่อความรับรู้เวลาเช่นกัน กล่าวคือ หากยิ่งเครียดมากเท่าไหร่ เราก็จะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้าเท่านั้น เช่น หากเราดูหนังสยองขวัญ หรือรู้สึกทำงานเครียดมาก ๆ สมองของเราก็จะเครียด และรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามาก เป็นต้น

แม้ว่าเวลาจะเดินเท่ากันในทุกนาที แต่ก็จะเห็นว่าความรู้สึก สิ่งรอบตัว รวมถึงอารมณ์ในแต่ละวันก็ส่งผลถึงการรับรู้ของเวลา และทำให้เวลาของแต่ละคนเดินไม่เท่ากันเหมือนที่หลายคนเข้าใจนั่นเอง